ฆ่าตัวตายด้วย ยาพาราฯ
การฆ่าตัวตายด้วย "พาราเซตามอล"
พาราเซตามอล หรือ Acetaminophen เป็นยาแก้ปวดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และใช้มากเป็นอันดับหนึ่ง หาซื้อได้ง่ายและไม่มีฤทธิ์ข้างเคียงต่อทางเดินอาหาร
กลไกการเกิดพิษ
ในขนาดรักษา พาราเซตามอลกว่า 95% จะถูกเมตาโบไลซ์ที่ตับด้วยกระบวนการ conjugation กลายเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ แล้วถูกขับออกจากร่างกาย อีก 5% ถูกเมตาโบไลซ์ โดยเอนไซม์ cytochrome P-450 ได้เป็นเมตาโบไลต์ที่มีพิษ แต่จะถูกกำจัดโดยกลูตาไธโอน (glutathione) ซึ่งทำหน้าที่เป็น reducing agent จะจับกับสารพิษนี้และขับออกทางปัสสาวะ
แต่ในภาวะที่ได้รับพาราเซตามอลเกินขนาดเมตาโบไลต์ที่มีพิษนี้ จะมีปริมาณมากเกินความสามารถของกลูตาไธโอน ที่จะกำจัดได้ จึงเกิดความเป็นพิษต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตับและไต
มีการศึกษาพบว่า ร่างกายคนเรามี glutathione ที่จะทำลายพาราเซตามอล ที่รับประทานเข้าไปไม่เกิน 7.5 กรัม หรือ 150 มก./กก. ในคนปกติ ค่าครึ่งชีวิตของพาราเซตามอลประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ในภาวะที่ได้รับยาเกินขนาด ค่าครึ่งชีวิตอาจยาวเป็น 12 ชั่วโมงได้
ปกติพาราเซตามอลจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว แต่ในภาวะเป็นพิษ การดูดซึมจะลดลง อาจนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้ารับประทานยาอื่นร่วมด้วย
การรักษา
ความสำคัญของการรักษาภาวะเป็นพิษจากยาแก้ปวดพาราเซตามอลคือการให้ยาต้านพิษทันเวลา บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยภาวะเป็นพิษจากยานี้มาที่แผนกฉุกเฉิน แล้วแพทย์ให้ยาตามอาการและปล่อยให้กลับบ้าน เนื่องจากผู้ป่วยไม่ค่อยมีอาการอะไร ทั้งๆที่ความจริงพิษของยาออกฤทธิ์ช้า กว่าจะพบอาการตับอักเสบก็ใช้เวลาหลายวัน และอาจเสียชีวิตได้ การให้ยาต้านพิษภายใน 24 ชั่วโมงจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้
1. ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินยาให้ล้างท้อง แล้วให้ activated charcoal ขนาด 10 เท่าของยาที่กิน และหลังจากนั้นประมาณ 2-4 ชั่วโมงจึงเริ่มให้ N-acetylcysteine
2. ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายหลัง 2 ชั่วโมงหลังกินยา ไม่ต้องล้างกระเพาะอาหาร และถ้าไม่เกิน 4 ชั่วโมงหลังกินยา ให้ activated charcoal หนึ่งครั้ง ขนาด 10 เท่าของยาที่กิน และหลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงจึงเริ่มให้ N-acetylcysteine
3. ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายหลัง 4 ชั่วโมงหลังกินยาไม่ต้องล้างกระเพาะอาหาร และไม่ต้องให้ activated charcoal แต่เริ่มให้ N-acetylcysteine ได้เลย
4. ถ้าผู้ป่วยมาถึงภายหลัง 24 ชั่วโมงหลังกินยา และพบความผิดปกติ คือ มีเอนไซม์ตับขึ้นเร็ว (มากกว่า 2 เท่า) ใน 24 ชั่วโมง หรือ PT มากกว่า 2 เท่า หรือในระยะที่ 3 มี bilirubin สูงกว่า 4 มก./ดล. ให้เริ่มการรักษาด้วย N-acetylcysteine
N-acetylcysteine เป็นสารตั้งต้นในการสร้าง glutathione ที่ช่วยจับกับเมตาโบไลต์ที่เป็นพิษของพาราเซตามอล
หมายเหตุ
Charcoal ที่ว่านี่คือ ผงถ่านดำที่มีความสามารถในการดูดซึมสารแปลกปลอมภายในกระเพาะอาหาร จนถึงลำไส้เท่านั้น
ส่วน N-Acetylcysteine (NAC) คือ ยาละลายเสมหะ ซึ่งมีทั้งชนิดกินและฉีด เพื่อชะลอกระบวนสลายระดับยาพาราฯ โดยตับ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะตับวาย
Real C
กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.ตรี
อาการที่สำคัญที่มาโรงพยาบาล : คลื่นไส้ อาเจียนมาก 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ให้ประวัติเพิ่มเติมว่า กินยาพาราฯ 1 กระปุก (ประมาณ 30 เม็ด) เนื่องจากประชดแฟนหนุ่มที่แอบนอกใจแล้วบอกเลิก
ภายหลังได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้ว เธอได้มาติดตามอาการแต่ตรวจร่างกาย ได้พูดไว้ว่า
"มันมีความรู้เหมือนกับท้องไส้เราบิดมวน คลื่นไส้มาก ปวดหัวมากๆ กระสับกระส่าย ตอนที่กินนั้นหวังที่จะตายเพื่อหยุดความคิดถึงที่มีให้เขา มันทรมานทั้งกายและใจ แต่ตอนที่คุณแม่โทรมา หนูเริ่มรู้สึกกลัวมาก ไม่อยากตายแล้ว หนูคิดผิดไปแล้ว อยากมีโอกาสอีกซักครั้ง จึงได้แต่ภาวนาให้ถึงโรงพยาบาลเร็วๆ ให้คุณหมอล้างท้อง เพื่อนๆก็เอาไข่ขาวมาให้กิน หนูได้แต่อวก บอกได้คำเดียว ทรมานมาก และที่น่าตกใจไปกว่านั้น ผู้ชายคนที่หนูรัก ในวันนั้นเขากลับทำตัวไม่รู้เรื่องเลย ไม่มาเยี่ยม ไม่โทรมาเลย"
สิ่งที่อยากฝากต่อให้คนอื่นรับรู้