เครื่องบันทึกเสียง แรกเริ่ม
วิวัฒนาการของการบันทึกเสียง
ก่อนที่จะมาเป็นตัวแผ่นเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีลักษณะเป็นแป้นหมุน รูปร่างต่างๆกันมากมายในปัจจุบันนี้ คงจะสงสัยกันว่า มันมีวิวัฒนาการมาอย่างไร โดยส่วนตัวผมแล้ว เมื่อเราจะศึกษาเรื่องในเรื่องหนึ่งให้เป็นที่ถ่องแท้ ก็คงมิอาจที่จะมองข้ามเรื่องของประวัติศาตร์และวิวัฒนาการของสิ่งนั้นๆ จึงขอใช้เนื้อที่สักเล็กน้อยเป็นการเกริ่นนำให้ทราบถึงพัฒนาการคร่าวๆและบุคคลสำคัญบางท่านที่เป็นผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้เราได้ใช้กันถึงทุกวันนี้
ถ้าจะเอ่ยถึงเรื่องของการบันทึกเสียง บุคคลสำคัญที่เรามักจะจำได้ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องบันทึกเสียงคนแรกคือ Thomas Alva Edison แต่จริงๆแล้ว บุคคลแรกที่เป็นผู้ที่สามารถ “จับ” เอาคลื่นเสียงที่เรามองไม่เห็นมาเป็นเส้นซิกแซกให้เรามองเห็นได้เป็นคนแรกคือ Leon Scott
ปี 1857 Leon Scott ได้ผลิตเครื่องที่สามารถบันทึกคลื่นเสียง เช่นเสียงพูด มาลงในกระดาษได้คนแรก เครื่องนั้นคือ Phonautograph หลักการก็คือว่า จะมีกรวยทรงกระบอกคล้ายโทรโข่งทำหน้าที่จับคลื่นเสียง ที่ปลายด้านเล็กของโทรโข่งนั้นจะเป็น diaphragm และยึดติดกับ stylus ที่ทำด้วยขนของสุกร เมื่อมีคลื่นเสียงเข้ามา ก็จะทำให้ diaphragm ขยับตัว และตัว stylus ก็ขยับด้วย ปลาย stylus นั้นก็จะไปขูดลงบนกระดาษเขม่าที่ผ่านการรมควัน ทำให้เห็นเป็นเส้น แต่ข้อเสียของ phonautograph คือไม่สามารถที่จะเล่นกลับเป็นเสียงได้
ปี 1878 Thomas Alva Edison ได้ทำการผลิตเครื่อง Phonograph ขึ้น โดยขยายต่อความคิดของ Leon Scott โดยการใช้เข็มเหล็กกรีดลงบนแผ่นดีบุกทรงกระบอก (tin foil) ทำให้สามารถบันทึกและเล่นกลับได้ แต่ข้อเสียของ Phonograph ก็คือว่ามันสามารถเล่นกลับได้ไม่กี่ครั้งก็เสื่อมสภาพ (ภาพด้านล่าง)
phonograph ในยุคเริ่มแรก
phonograph ในยุคต่อมา
Charles Sumner Tainter
ปี 1886 Charles Sumner Tainter ได้พัฒนาเครื่องบันทึกเสียงเรียกว่า Graphophone โดยการเปลี่ยนจากกระบอก tin foil มาเป็นกระดาษทรงกระบอกที่เคลือบด้วย wax ทำให้สามารถเล่นกลับได้หลายครั้ง เครื่อง graphophone นี้จึงเป็นที่แพร่หลายกันมาก โดยเฉพาะในด้านของงาน office ที่มีการบันทึกเสียงพูด และมีการเล่นกลับพร้อมกับมีผู้ถอดเสียงเป็นพิมพ์ดีด และอาจสื่อสารต่อไปในรูปของโทรเลข หรือโทรศัพท์ แต่ในด้านของเสียงเพลงนั้น ยังเป็นในลักษณะ commercial ได้ยากยิ่ง เพราะว่าไม่สามารถที่จะทำสำเนาหลายๆชุดจากการบันทึกเสียงครั้งเดียวได้ ถ้าจะผลิตเพลงๆหนึ่งหลายๆ copy ก็จะต้องให้นักร้องเล่นซ้ำๆหลายๆครั้ง ทำให้ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงสำหรับเพลง
(เครื่อง graphophone)
เครดิต เว็บ http://www.bloggang.com