หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย

Share แชร์โพสท์โดย เพน



ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเรือสหรัฐ ได้ทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการทหาร เพื่อนำไปใช้ในการสงคราม

หนึ่งในการทดลองนั้นคือ การพยายามทำให้เรือพิฆาตไม่ปรากฏบนจอเรดาร์ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า
เป็นการทดลองเทคโนโลยีล่องหนครั้งแรกของโลก
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย

 โครงการ "เรนโบว์" (Project Rainbow) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า การทดลองฟิลาเดอเฟีย (Philadelphia Experiment)

ได้ทำการทดลองขึ้นที่ฐานทัพเรือสหรัฐในฟิลาเดเฟีย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ. 1943 โดยการใช้เครื่องสร้างพลังงานสนามแม่เหล็ก
ขนาดใหญ่ติดตั้งบนเรือรบ

สนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างขึ้นจะทำการเบี่ยงเบนคลื่นเรดาร์ ทำให้คลื่นเรดาร์ไม่กระทบลำเรือและสะท้อนกลับไปยังตัวรับสัญญาณ
ข้าศึกจึงไม่สามารถใช้เรดาร์ในการตรวจจับเรือรบดังกล่าวได้ ไม่เพียงแต่เท่านั้นสนามแม่เหล็กยังได้หักเหการเดินทางของแสง
ทำให้เรามองไม่เห็นมันอีกด้วย ซึ่งหลักการดังกล่าวเหมือนกับการที่เราเห็นภาพลวงตาบนท้องถนนในวันที่แดดแรง (Mirage)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย

เปิดตำนาน

เช้าวันที่ 22 กรกฏาคม ค.ศ. 1943 เวลา 9:00 น. การทดลองที่นำไปสู่การเดินทางข้ามเวลาได้เริ่มขึ้น
บนเรือพิฆาต เอลดริจ หรือ ดีอี173 (USS Eldridge - DE-173)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย
เครื่องสร้างพลังงานสนามแม่เหล็กเริ่มทำงานมันสร้างหมอกควันสีเขียวขึ้นทีละน้อยรอบๆ ลำเรือ และเมื่อหมอกควันสีเขียว
เริ่มจางลง เรือเอลดริจ ก็หายไปจากจอเรดาร์ และจากสายตาผู้คนที่เฝ้าดูการทดลองครั้งนั้น

ประมาณ 15 นาทีต่อมา ก็มีคำสั่งให้ปิดเครื่องสร้างสนามแม่เหล็ก หมอกควันสีเขียวเริ่มก่อตัวอีกครั้งหนึ่ง
แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผิดพลาดอย่างมหันต์!

บรรดาลูกเรือทั้งหมดที่อยู่บนกราบเรือ มีอาการคลื่นเ...ยน อาเจียน ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ กองทัพเรือมีคำสั่ง
ให้เปลี่ยนลูกเรือชุดใหม่ เพื่อทำการทดลองต่อไป แต่ ดร. จอห์น ฟอน นิวแมน (Dr. John von Neumann)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย
นักวิทยาศาสตร์ผู้รับผิดชอบการทดลองครั้งนี้ ได้คัดค้านขอให้ยุติการทดลองไว้ชั่วคราว เพื่อขอเวลาในการตรวจหา
สาเหตุและทำการแก้ไขเสียก่อน

กองทัพเรือขีดเส้นตายให้กับ ดร. จอห์น ไว้แค่วันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1943 หรือเพียงไม่ถึง 3 สัปดาห์เท่านั้น
โดยไม่ได้ให้เหตุผลเลยว่าทำไมการทดลองจึงต้องมีขึ้นภายในวันที่ 12 สิงหาคม นอกเสียจากบอกกับ ดร. จอห์น ว่า
พวกเขายังไม่ต้องการให้เรือรบหายไปจริงๆ จากสายตา พวกเขาต้องการเพียงแค่ให้เรือรบไม่ปรากฏบนจอเรดาร์เท่านั้น

การทดลองครั้งประวัติศาสตร์
หลังจากที่ ดร.จอห์น ได้แก้ไขเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กแล้ว การทดลองเรือรบล่องหน ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในวันเส้นตายที่กองทัพเรือ
กำหนดไว้ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1943 ลูกเรือชุดใหม่ได้ขึ้นประจำการบน เรือพิฆาตเอลดริจ เครื่องสร้างสนามแม่เหล็กเริ่มทำงาน
เวลาผ่านไปราว 60 วินาที ทุกอย่างดูไปได้สวย เรือพิฆาตเอลดริจ เริ่มหายไปจากจอเรดาร์ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเป็นรูป
โครงเรือลางๆ ได้ด้วยตา แต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างสีฟ้าวาบขึ้น!
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย

เรือพิฆาตเอลดริจ ได้หายไปจากน่านน้ำ!
ดร. จอห์น เริ่มมีอาการระส่ำระสาย เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้แก้ไขเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กแล้ว
แต่ทำไมเหตุการณ์เดิมยังเกิดขึ้น พวกเขาพยายามส่งวิทยุติดต่อกับเรือพิฆาตเอลดริจ แต่ก็ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด

ราว 4 ชั่วโมงต่อมา เรือพิฆาตเอลดริจก็กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่เดิม เสาอากาศขนาดใหญ่ที่ใช้ รับ-ส่งคลื่นวิทยุหักโค่นลง
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างก็รีบรุดไปที่เรือพิฆาตเอลดริจทันที เมื่อไปถึงเรือพวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่พบ

ร่างของลูกเรือ 2 คน ถูกดูดจนตัวติดกับพื้นเรือ เหมือนประหนึ่งว่าร่างกายของเขาเป็นโลหะชิ้นหนึ่ง เช่นเดียวกับ
ลูกเรืออีก 2 คน ที่ถูกผนังเรือดูดเข้าไปจนติดเป็นส่วนหนึ่งของผนัง ส่วนลูกเรือคนที่ 5 นับว่าโชคดีหน่อยที่เพียงแค่
แขนข้างหนึ่งของเขาเท่านั้นที่ติดอยู่กับผนังเรือ เขายังมีชีวิตอยู่เพียงแต่ว่าต้องตัดแขนเขาเพื่อแยกตัวเขาออกจากผนังเรือ

ลูกเรือหลายคนถูกไฟไหม้ตามร่างกาย และทุกคนมีอาการสติแตก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จะมีก็แต่ลูกเรือที่ประจำการ
อยู่ในห้องด้านล่างของตัวเรือเท่านั้นที่ไม่ได้รับอันตราย และหนึ่งในนั้นก็คือ อัลเฟรด เบเลก (Alfred Bielek)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย
ผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวการทดลองครั้งนี้

ใครคือ "อัลเฟรด เบเลก"
อัลเฟรด เบเลก เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1916 ที่รัฐนิวยอร์ก เดิมทีนั้นเขาชื่อ
เอ็ดวาร์ด เอ คาเมรอน (Edward A. Cameron)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย
เป็นบุตรชายของ อเล็กซานเดอร์ ดันแคน คาเมรอน ซีเนียร์ (Alexander Duncan Cameron, Sr) จบการศึกษา
ระดับปริญญาเอก สาขาฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอร์ก ประเทศสก็อตแลนด์ ในปี ค.ศ. 1939

ไม่เพียงแต่เท่านั้น อัลเฟรด ยังจบปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยพรินสตัน และกำลังจะศึกษาต่อปริญญาเอก
ที่ฮาร์วาร์ด อาจเป็นเพราะบิดาของเขาเคยรับราชการในราชนาวีสหรัฐ จึงทำให้ อัลเฟรด และน้องชายของเขา
เข้ารับราชการในราชนาวีสหรัฐ เช่นกัน

4 ชั่วโมงที่หายไป
เมื่อเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กทำงานเต็มที่ เหล่าลูกเรือก็พบว่าเรือพิฆาตเอลดริจ ได้ปรากฏตัวบนฝั่งแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงได้
ลงจากเรือเพื่อมาสำรวจพื้นที่ พวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และสุนัขตรวจตราลาดตระเวณอยู่เต็มไปทั่วบริเวณ
เมื่อมองไปบนท้องฟ้าพวกเขาก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ ฉายไฟสปอตไลท์มาที่พวกเขา แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่รู้จักเฮลิคอปเตอร์

ครู่เดียวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็กรูกันมาที่พวกเขาแล้วพาพวกเขาลงไปยังห้องใต้ดิน
พวกเขาพบกับชายสูงอายุคนหนึ่ง ซึ่งได้แนะนำตัวเองว่าเขาคือ ดร. จอห์น ฟอน นิวแมน

อัล เฟรดถึงกับช็อค เพราะเขาเพิ่งจะจากกับ ดร.จอห์น เมื่อสักครู่นี้เอง และเขาก็หนุ่มกว่านี้มาก ดร.จอห์น อธิบายให้ฟังว่าสถานที่นี้คือ
สถานที่ทดลอง โครงการฟินิกส์ (Phoenix Project)ตั้งอยู่ที่มอนทอก เมืองลองไอส์แลนด์ (Montauk, Long Island)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย
วันนี้คือวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1983
(ความเห็นส่วนตัวว่า น่าจะเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Back To The Future, The Final Countdown และอื่นๆ)

ดร. จอห์น เล่าเรื่องราวให้ฟังคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ "การทดลองฟิลาเดเฟีย" ในปี ค.ศ. 1943 จากนั้นก็สั่งให้
ทุกคนกลับไปที่เรือ และให้ปิดเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กโดยเร็ว การทดลองฟิลาเดเฟีย ในปี ค.ศ. 1943
และการทดลองฟินิกส์ ในปี ค.ศ. 1983 ได้ก่อให้เกิด "ช่องว่าง" ของเวลาและได้ดูดเอาเรือพิฆาตเอลดริจ
จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีเวลาห่างกัน 40 ปี

ดร. จอห์น สั่งให้ทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ ที่จะหยุดเครื่องสร้างสนามแม่เหล็ก
ไม่เช่นนั้นสนามแม่เหล็กจะก่อตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงต่อโลก

เมื่อพวกเขากลับไปที่เรือ ก็ช่วยกันหยิบขวานขึ้นมาทุบไปบนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แผงควบคุม และอุปกรณ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง
จนในที่สุดเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กก็หยุดทำงาน และเรือพิฆาตเอลดริจ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่เดิม ในปี ค.ศ. 1943 อีกครั้ง

ลูกเรือทุกคนที่รอดชีวิตกลับมาได้จากการทดลองครั้งนั้น ได้ถูกรัฐบาลจัดการล้างสมอง ลบความจำจนหมดสิ้น
และได้เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเสียใหม่ พร้อมทั้งสร้างข้อมูลชีวิตใหม่ให้กับพวกเขา และนี่คือเหตุผลที่
เอ็ดวาร์ด เอ คาเมรอน ได้หายไปจากโลก และมี อัลเฟรด เบเลก ขึ้นมาแทน

ฟื้นความทรงจำ

อย่างที่กล่าวไว้แหละครับ เดิมที อัลเฟรด ได้ถูกรัฐบาล จับไปล้างสมองและลบความทรงจำไปจนหมดสิ้นแล้ว
เขาใช้ชีวิตในชื่อของ อัลเฟรด เบเลก ตลอดมาจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1983 บริษัทสร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ
อี เอ็ม ไอ ตรอน คอร์เปอเรชั่น (EMI Thron Corp.) ได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง การทดลองฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia Experiment)
ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย

ภาพยนตร์เรื่องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองที่ อัลเฟรด ได้ประสบมา อีเอ็มไอ ได้กำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้
ในประเทศสหรัฐช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1984 แต่เมื่อก่อนจะถึงกำหนดฉายเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น
ทาง อีเอ็มไอ ก็ได้รับจดหมายจากรัฐบาลสหรัฐ มีข้อความว่าพวกเขาไม่ประสงค์ให้มีการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้
ในประเทศสหรัฐ

อีเอ็มไอ ได้ลงทุนทำการประชาสัมพันธ์และออกกำหนดการ การฉายภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว อีกทั้งเขาก็เพิ่งจะได้รับ
จดหมายห้ามจากสหรัฐเพียงแค่ 3 วันก่อนวันฉาย อีเอ็มไอ จึงได้ตัดสินใจฉายภาพยนตร์ในสหรัฐ ตามกำหนดการเดิม
โดยเสแสร้งทำเป็นว่าพวกเขาไม่ได้รับจดหมายห้ามจากรัฐบาลสหรัฐ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในรัฐต่างๆ ทั่วประเทศสหรัฐ เมื่อภาพยนตร์เริ่มฉาย ทาง อีเอ็มไอ ก็ได้รับจดหมายเตือนฉบับที่ 2
จากสหรัฐอีก แต่คราวนี้ อีเอ็มไอ ไม่สามารถแกล้งโง่ได้อีก ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมหยุดฉายภาพยนตร์ทันทีทันใด
แถมยังได้ส่งจดหมายกลับไปว่า อีเอ็มไอ จะหยุดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งห้ามเป็นคำพิพากษาจากศาลเท่านั้น

แน่นอนว่าเรื่องจ้อยๆ แค่นี้ ทำได้ไม่ยากหรอกครับ เพียงแค่ 2 สัปดาห์ต่อมาก็มีคำสั่งจากศาล ให้หยุดการฉายภาพยนตร์
เรื่องนี้ในประเทศสหรัฐ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็หายไปจากประเทศสหรัฐถึง 2 ปีเต็มๆ ในระหว่างนั้น อีเอ็มไอ ได้พยายาม
หาหนทางที่จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้กลับเข้าไปในประเทศสหรัฐ จนกระทั่ง 2 ปีผ่านไปพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ
โดยผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาในรูปแบบของวิดิโอเทป และส่งเข้าไปขายในสหรัฐ

เมื่อ อัลเฟรด ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ความจำของเขาก็เริ่มกลับมา อัลเฟรด กล่าวว่าในช่วงต้นเรื่องภาพยนตร์สร้างออกมา
ได้ใกล้เคียงความจริงมาก ส่วนช่วงหลังของภาพยนตร์นั้นมีการเสริมแต่งเรื่องเพื่อให้ภาพยนตร์เป็นที่ประทับใจ

อัลเฟรด ได้พยายามสืบหาผู้ที่รอดชีวิตจากการทดลองครั้งนั้น ในที่สุดเขาก็พบกับ นาวาตรี อลัน แบชเลอร์
(Lt. Commander Alan Batchelor) ผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าลูกเรือในการทดลองฟิลาเดเฟีย อลันจำ อัลเฟรดได้ว่า
เขาเป็นหนึ่งในลูกเรือเอลดริจ และยังบอกกับเขาด้วยว่า เขาไม่ได้ชื่อ อัลเฟรด เบเลก

อลัน ได้สูญเสียความจำบางส่วนไป แต่อย่างน้อยเขาก็จำได้ว่า อัลเฟรด ประจำการอยู่บนเรือร่วมกับน้องชาย
และยังพอจะจำเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นได้

มาถึงตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของอัลเฟรดเขาหายไปไหน? ผมขอย้อนกลับไปที่เหตุการณ์บนเรือเอลดริจ
ตอนที่หลุดเข้าไปในประตูมิติเวลา ระหว่างที่เหล่าลูกเรือกำลังช่วยกันทำลายเครื่องสร้างสนามพลังอยู่นั้น น้องชายของ อัลเฟรด
ได้ตัดสินใจกระโดดลงจากเรือ ครับเขาอยู่ในปี ค.ศ. 1983 ในขณะที่ลูกเรือคนอื่นกลับมาในปี ค.ศ. 1943

การทดลองครั้งสุดท้าย

หลังจากที่เกิดการผิดพลาดในการทดลองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ราชนาวีสหรัฐ ได้สั่งให้สร้างเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมาใหม่
และกำหนดให้มีการทดลองอีกครั้ง แต่คราวนี้จะไม่ลูกเรือ

ราวปลายเดือนตุลาคม เวลาประมาณ 22:00 น. การทดลองได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง พวกเขาได้ใช้สายเคเบิลยาวประมาณ 1,000 ฟุต
ผูกติดกับคันบังคับปิด-เปิด เครื่องสร้างสนามแม่เหล็ก เพื่อใช้เป็นรีโมท (ไม่รู้ว่าจะถือว่าเป็นต้นกำเนิดรีโมทคอนโทรลได้หรือเปล่า?)

เมื่อเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กทำงาน เรือเอลดริจก็ได้หายไปจากน่านน้ำในฟิลาเดเฟีย มีพยานจำนวนมาก
เห็นมันไปปรากฏตัวที่ท่าเรือใน นอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย นานเป็นเวลาประมาณ 15 นาที แล้วจู่ๆ มันก็หายตัวไป

เรือเอลดริจ กลับมาปรากฏตัวที่ฟิลาเดเฟียอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครปิดเครื่อง แต่เครื่องสร้างสนามแม่เหล็กได้หยุดทำงานด้วยตัวมันเอง


เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนเรือ พวกเขาพบว่าอุปกรณ์จำนวนมากกว่าครึ่งหายไป ห้องควบคุมมีกลุ่มควันเต็มไปหมด
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือเอลดริจ รู้ก็แต่เพียงว่าต้องมีอะไรผิดปรกติอย่างแน่นอน ในที่สุดราชนาวีสหรัฐ
ก็ตัดสินใจระงับโครงการเรนโบว์นี้

เรือเอลดริจ ได้ถูกนำมาประกอบอุปกรณ์มาตรฐานของเรือพิฆาตอีกครั้ง เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ใข้ในการทดลองฟิลาเดเฟีย
ถูกยกออก และส่งมันกลับเข้าประจำการตามปรกติ จนกระทั่งปลดประจำการณ์ในปี ค.ศ. 1950

สหรัฐได้บริจาคเรือลำนี้ให้กับประเทศกรีซ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือไลออน โดยที่กฏหมายการเดินเรือสากลนั้น
ปูมเรือจะต้องติดไปกับเรือด้วยทุกครั้ง ใช่ครับ ปูมเรือเอลดริจก็ติดไปกับเรือด้วย เพียงแต่ว่ามันเริ่ม
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1944 ไม่มีใครทราบว่าปูมเรือก่อนหน้านั้นหายไปไหน










หากซ้ำ หรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ปริศนา การทดลองฟิลาเดอเฟีย


เครดิต พลังจิต.คอม
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เพน's profile


โพสท์โดย: เพน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
56 VOTES (4/5 จาก 14 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ยลโฉมความงดงามของนครวัดก๊อปเกรดเอจากฝีมือจีน อลังการไม่แพ้นครวัดของกัมพูชา!เมื่อท่านรมต.ลาว เม้นแซะไทย ลั่น ถึงลาวไม่หลุดพ้นจากประเทศด้อยพัฒนา..แต่ลาวไม่มีขอทานแบบไทย!?6 ชนิดอาหารที่ทานประจำทำให้แก่เร็ว!นักดื่มกระทิงแดง กำลังมองหากระป๋อง ที่มีจุดสีน้ำเงินอยู่ข้างใต้แดนเซอร์ "ลำไย ไหทองคำ" หล่อระดับพระเอก..ค่ายเตรียมดันเป็นศิลปินแล้วสุดอึ้ง! พบหัวแกะมัมมี่นับพันตัวและซากพระราชวังที่ค้นพบในอียิปต์"ศรีสุวรรณ" รีเทิร์น ลุยฟ้อง ครม.-มท.1 ใช้อำนาจโดยมิชอบก่อสร้างถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ ขัดต่อกฎหมายโป๊ะแตกอีก! เมื่อเขมรพยายามตัดต่อวิดีโอเพื่อใช้อ้างว่า "สงกรานต์" คือของเขมรแต่โบราณ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ศรีสุวรรณ" รีเทิร์น ลุยฟ้อง ครม.-มท.1 ใช้อำนาจโดยมิชอบก่อสร้างถนนผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ ขัดต่อกฎหมายสถานีโทรทัศน์หนึ่งเดียวในประเทศลาว ที่ยังออกอากาศอยู่ในปัจจุบัน6 ชนิดอาหารที่ทานประจำทำให้แก่เร็ว!เมื่อท่านรมต.ลาว เม้นแซะไทย ลั่น ถึงลาวไม่หลุดพ้นจากประเทศด้อยพัฒนา..แต่ลาวไม่มีขอทานแบบไทย!?ลุงเปิดพัดลมคลายร้อนทั้งวันทั้งคืน จนช็อตไฟไหม้บ้านทั้งหลัง 🥺
ตั้งกระทู้ใหม่