หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เมื่อเงิน"ดอลลาร์" กลายเป็น "อาวุธ"

เนื้อหาโดย phattch

เมื่อสหรัฐใช้ "ดอลลาร์" เป็น "อาวุธ"

หากกล่าวถึงเรื่องเงินตรา Currency ของโลกถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของโลกเรื่องหนึ่งมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ เมื่อสเปนได้ค้นพบแหล่งแร่เงินปริมาณมหาศาลที่โบลิเวียในทวีปอเมริกาใต้ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาก็ค้นพบแหล่งแร่เงินอีกมากมายที่เม็กซิโกภูมิภาคอเมริกากลาง ทำให้สเปนผลิตเหรียญเงินเป็นเงินตราที่ยอมรับกันทั่วโลกภายใต้มาตรฐานเงิน ซึ่งคนไทยเรายังคงเรียกเงินตราว่า “เงิน” เพราะใช้เป็นเหรียญเงินสเปน เหรียญนกเม็กซิโก นั่นเอง แม้แต่เงินตราของอังกฤษเองก็ยังอ้างมาตรฐานเงินอยู่ในปัจจุบันคือ ปอนด์สเตอร์ลิง...


ใน พ.ศ. 2387 อังกฤษเป็นประเทศแรกที่ใช้ธนบัตรที่มีทองคำหนุนหลัง กล่าวคือใครก็ได้สามารถเอาธนบัตรเงินตราปอนด์สเตอร์ลิงมาแลกทองคำตามราคาที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษกำหนดมาตรฐานไว้ ซึ่งได้สร้างความมั่นคงให้กับธนบัตรที่มีทองคำหนุนหลังขยายไปทั่วโลก จนเป็นเงินตราของโลกแทนเหรียญนกเม็กซิโก กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ธนบัตรที่มีทองคำหนุนหลังก็เริ่มคลอนแคลนเนื่องจากเกิดเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลกจากผลของสงคราม ทำให้อังกฤษหมดความสามารถที่จะจ่ายทองคำตามราคาของธนบัตรปอนด์สเตอร์ลิงได้ จึงยกเลิกมาตรฐานทองคำเสียดื้อๆ ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2474 ตอนนั้นส่งผลให้ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงตกต่ำ ในขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้น จนได้เปลี่ยนฐานะสหรัฐอเมริกากลายสภาพจากประเทศลูกหนี้ใหญ่เป็นประเทศเจ้าหนี้ใหญ่ในเวลาต่อมา ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศมหาอำนาจในยุโรปอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากภัยสงคราม จึงตกลงปลงใจใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงินสกุลหลักของโลกในการค้าขายระหว่างประเทศ ดังนั้นเงินตราสกุลต่างๆ จึงผูกไว้กับเงินดอลลาร์ และเงินดอลลาร์ก็ผูกไว้กับทองคำอีกทีหนึ่ง โดยกำหนดไว้ที่ 35 ดอลลาร์ต่อทองคำ 1 ออนซ์ ถ้าหากประเทศใดไม่ยินดีที่จะถือครองเงินดอลลาร์อีกต่อไป ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำเมื่อไหร่ก็ได้ ระบบนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ เบรตตันวูดส์ Bretton Woods อันเป็นชื่อเมืองในมลรัฐนิวแฮมเชียร์ของสหรัฐอเมริกา ที่ทำการประชุมนานาชาติตกลงกันในปี พ.ศ. 2488 นั่นเอง...

หัวใจของระบบเบรตตันวูดส์ คือ “ความเชื่อมั่นที่มีต่อเงินดอลลาร์” และแน่นอนว่าชาวอเมริกาย่อมได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะสามารถใช้เงินสกุลของตัวเองได้ทั่วโลก และทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างฟุ่มเฟือย เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเลือกที่จะขายพันธบัตรให้กับธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาเอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การพิมพ์เงินเพิ่มได้ไม่จำกัด เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าวิธีอื่นโดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสูงมากอันเกิดจากสงครามเวียดนาม และปฏิรูประบบประกันสุขภาพซึ่งเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ...

ซึ่งด้วยค่าใช้จ่ายที่มากมายเช่นนี้ลำพังเพียงเงินภาษีคงไม่เพียงพอ จึงต้องระดมทุนผ่านการกู้ยืมจากธนาคารกลางนั่นเอง ซึ่งการพิมพ์เงินออกมาเช่นนี้จะทำให้ปริมาณเงินดอลลาร์ในสหรัฐเพิ่มขึ้น และส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อในที่สุด แต่ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นกับสหรัฐ เพราะเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลหลักเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนทั่วโลก ดังนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐจึงเป็นที่ต้อนรับของคนทั้งโลก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความต้องการถือครองเงินดอลลาร์คือคนทั้งโลก จึงสามารถดูดซับปริมาณเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นนี้ได้อย่างลงตัว โดยไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลา 26 ปีดังกล่าว โลกเริ่มกังขาเงินดอลลาร์ ระบบเบรตตันวูดส์ก็เริ่มสั่นคลอน หลายประเทศเริ่มทิ้งเงินดอลลาร์และขอแลกเปลี่ยนเป็นทองคำ จนเหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นจนกระทั่งวันที่ 15 สิงหาคม 2514 สหรัฐอเมริกายุติการแปลงดอลลาร์สหรัฐเป็นทองคำฝ่ายเดียวมีไม่เพียงพอ ทำให้ระบบเบรตตันวูดส์สิ้นสุดลง...

แต่อย่างไรก็ตามเงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังคงดำรงความเป็นเงินตราของโลกต่อไปโดยใน พ.ศ. 2516 สหรัฐฯ ทำข้อตกลงให้กับประเทศซาอุดีอาระเบียว่าต้องขายน้ำมันในรูปของเงินดอลลาร์ และเงินที่ได้จากการขายน้ำมัน ซาอุฯ ต้องนำมาซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ โดยสหรัฐจะปกป้องซาอุดีอาระเบียจากการโจมตีของอิสราเอล หลังจากนั้นหลายประเทศในตะวันออกกลางก็เข้าร่วมกับโครงการนี้ ทำให้เงินดอลลาร์เป็นที่ต้องการของทั้งโลกอีกครั้ง เพื่อแลกกับการซื้อน้ำมัน พูดง่ายๆ ก็คือ สหรัฐสามารถพิมพ์เงินเพิ่มได้อีกโดยที่ไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อภายในประเทศ ระบบนี้ถูกเรียกว่า “Petrodollar - ปีโตรดอลลาร์” จำง่ายๆ คือ เปลี่ยนจาก ดอลลาร์แลกทองคำ เป็น ดอลลาร์แลกน้ำมัน

และมาถึงสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปัจจุบัน ก็เริ่มพัฒนาใช้เงินดอลลาร์เป็นอาวุธที่จะบี้ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน และบริษัทใหญ่ๆ ข้ามชาติของทุกประเทศ โดยมีรัฐบัญญัติให้อำนาจประธานาธิบดีถึง 3 ฉบับ ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากข้อมูลของระบบการให้ข่าวของธนาคารและการเงินระหว่างประเทศทั่วโลกทางดิจิทัล ทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้อย่างกว้างขวางลึกซึ้ง ดังนั้นเป้าหมายของการลงโทษทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีต่อบุคคล นิติบุคคล ระบอบการปกครองใดระบอบการปกครองหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง และการควบคุมบริษัท บรรษัทข้ามชาติ สถาบันทางการเงิน บุคคล หรือนิติบุคคล โดยใช้เงินดอลลาร์อเมริกันแล้วก็จะถูกลงโทษอย่างสาหัสทันที เพราะเงินดอลลาร์ยังคงยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอยู่นั่นเอง โดยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ปั่นป่วนอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ ก็เนื่องมาจากการเปิดสงครามการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อจีน รวมทั้งการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดต่อรัสเซียและอิหร่าน ซึ่งกระทบกระเทือนไปทั่วยุโรปและญี่ปุ่นในปัจจุบันนั่นเอง...

เนื้อหาโดย: phattch
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
phattch's profile


โพสท์โดย: phattch
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เรื่องราวสุดแปลก 'บันไดที่เคลื่อนย้ายไม่ได้' แห่งกรุงเยรูซาเล็ม"ท่านเรวัช" กลับลำ หลังดูคลิป "โน้ส อุดม" จนจบ ลั่น! ไม่ได้ผิดกฏหมาย"นิกกี้ ณฉัตร" โผล่ยอมรับ ปมปริศนาดาราหนุ่มไม่มูฟออนแต่ควงสาวเที่ยว ตปท.ฉ่ำ "ก้อย" โผล่เมนต์"เอ๋ ปารีณา" เดือด เตรียมเดินหน้าฟ้อง Netflix ลั่น ขอให้มันจบที่ศาล
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าว บทความ รวมสาระต่างๆ
งาช้างน้ำ ลักษณะคล้ายเขี้ยวเสือแต่เล็กกว่า ไม่ใช่งาช้างน้ำในเทพนิยาย เป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในทะเลทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทยTamarillo Tree Tomato มะเขือเทศต้นมะเขือเทศแปลกๆที่มีถิ่นกำเนิดในเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรูนายกพูดถึงคนไทยในอิสราเอลElephant Queen ภาพถ่ายชุดสุดท้ายของ “ราชินีช้าง” หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งที่สุดบนโลกใบนี้
ตั้งกระทู้ใหม่